ซื้อคอมพิวเตอร์ประกอบ อย่างไร…ถึง..เรียกว่า ตรงใจ ตรงสเปก

จัดสเปคคอม ประกอบคอม  สำหรับเล่นเกม ทำงาน แบบครบเซ็ต

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี ที่เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตของคนเรามากขึ้น ทั้งการทำงาน ตัดต่อ ทำกราฟิกหรือแม้แต่การเล่นเกม เพื่อคลายความเครียดที่พบเจอมาในแต่ละวัน ซึ่งในปัจจุบันสเปคคอมพิวเตอร์มีหลากหลายให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล แต่ถ้าหากจะต้องจัดสเปคคอมเอง คงไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์แต่ละชนิด วันนี้เราเลยจะพาไปดูการจัดสเปคคอมกันว่า หากต้องประกอบคอมด้วยตัวเอง ต้องทำความรู้จักกับอะไรบ้าง

ก่อนเริ่มจัดสเปคคอมต้องรู้อะไรบ้าง

  • เครื่องคอมพิวเตอร์ที่จะจัดสเปคคอมเป็นเครื่องแรกหรือไม่

หากเป็นเครื่องแรก ต้องถามจุดประสงค์ในการจัดสเปคคอมก่อนว่าการใช้งานของคุณเป็นแบบไหน เช่น จัดรายการ ตัดต่อ เล่นเกม หรือทำงานทั่วไป เพราะเราจะเอาสเปกคอมขั้นต่ำที่โปรแกรมพื้นฐานทั่วไปมาเป็นมาตรฐาน แล้วจึงค่อยเพิ่มสเปกขึ้นไป เพื่อที่จะได้สามารถใช้งานได้อย่างลื่นไหลและรองรับการอัปเดตของโปรแกรมต่างๆ ในอนาคต

  • เครื่องเก่าที่ใช้อยู่มีปัญหาและไม่ตอบโจทย์การใช้งาน

หากคอมเครื่องนี้ไม่ใช่เครื่องแรกของคุณ โดยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ เพราะการทำงานของมันเริ่มช้าลง หรือสเปคที่ใช้อยู่ไม่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณแล้ว หากเป็นปัญหาเหล่านี้และรู้ว่าคอมพิวเตอร์ของเรามีส่วนไหนที่ต้องเปลี่ยน จะช่วยให้จัดสเปคคอมได้อย่างประหยัดงบในการอัปเกรดได้มากทีเดียว

  • ก่อนจัดสเปคคอมต้องรู้ว่าจะใช้งานด้านไหนเป็นพิเศษ

สุดท้ายแล้วการจัดสเปคคอม ต้องคำนึงถึงจุดประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก ถ้าคุณสามารถตอบคำถามข้อนี้ได้ก่อนที่จะจัดสเปคคอมหรือซื้อโน๊ตบุ๊ค จะช่วยให้สามารถประกอบคอมได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงสามารถกำหนดงบประมาณไม่ให้บานปลายได้อีกด้วย

5 ชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์ที่ต้องรู้ก่อนจัดสเปคคอม

จัดสเปค CPU

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

CPU คือ ตัวประมวลผลหลักของคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้จะแรงหรือช้า ขึ้นอยู่กับ CPU เลยก็ว่าได้ โดยค่าสำคัญที่สุดของเจ้า CPU ก็คือ ความเร็วในการทำงานของมันจะถูกวัดเป็นหน่วย เรียกว่า GHz ซึ่งมีวิธีดูง่ายๆ โดยดูที่ค่า GHz ของ CPU แต่ละตัวว่ามีค่าอยู่ที่เท่าไร เพราะหากตัว CPU ที่มีค่า GHz มาก นั่นหมายความว่ามีการประมวลผลที่เร็ว ส่วนใหญ่แล้ว CPU จะสามารถเห็นข้อมูลนี้ได้จากตัวกล่องที่ระบุเป็น xx/xx GHz ซึ่งหมายถึงความเร็วทั่วไปและความเร็วสูงสุดนั่นเอง ปัจจุบันค่าย CPU ที่ได้รับความนิยมจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ค่าย ได้แก่ ค่ายฟ้า Intel และค่ายแดง AMD ซึ่งทั้งสองค่ายนี้มีรุ่นของ CPU ที่คล้ายกันก็คือ Intel i3, 5, 7, 9 และ Ryzen 3, 5, 7, 9 ทั้งนี้สเปคของ CPU ทั้ง 2 ค่ายมีความใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก

โดย CPU ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำมี 2 ตัว ดังนี้ 

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

RAM คือ หน่วยความจำหลักของคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลและส่งต่อไปยังตัว CPU ประมวลผล ซึ่งหากคอมพิวเตอร์ของคุณมี RAM หรือหน่วยความจำที่มากก็จะทำให้คุณสามารถใช้โปรแกรมต่างๆ พร้อมกันได้หลายตัว รวมถึงใช้งานโปรแกรมหนักๆ โดยสเปกของ RAM จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ความเร็วและขนาด ดังนี้

  • ขนาด พื้นที่ของ RAM สามารถเก็บคำสั่งหรือชุดข้อมูลเอาไว้ก่อนที่จะส่งให้กับ CPU ไปประมวลผล ซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากๆ หากคุณเป็นคนทำงานด้านกราฟิก ภาพเคลื่อนไหว 3D ภาพนิ่ง เพราะงานเหล่านี้มีการรับส่งข้อมูลจำนวนมาก ทำให้ผู้ใช้งานด้านนี้จำเป็นต้องมี RAM ความจุเยอะๆ สำหรับจัดเก็บข้อมูล โดยขนาด RAM ในปัจจุบันที่แนะนำ คือ 16GB เพื่อรองรับทั้งการทำงานและเล่นเกมนั่นเอง
  • ความเร็ว ในส่วนของความเร็ว RAM นั้น จะมีผลกับการรับส่งข้อมูลเป็น Realtime โดยดูได้จากค่า Hz บน RAM ซึ่งหมายความว่าหากมีตัวเลขที่มากก็จะยิ่งส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น โดยจะมีผลโดยตรงกับงานหรือเกมที่ต้อง Render กราฟิกตลอดเวลา สำหรับสายเกมเมอร์ที่อยากได้ภาพสวยๆ Frame late แรง ต้องใส่ใจตัว Hz มากกว่าขนาดของ RAM ถึงจะตอบโจทย์

โดย RAM ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำ มี 2 ตัวดังนี้ 

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

Mainboard หรือ Motherboard ถือเป็นจุดรวมของชิปและการทำงานทั้งหมดของคอมพิวเตอร์ ถือเป็นตัวกำหนดความเร็ว ความแรงสูงสุดให้กับคอมพิวเตอร์ เพราะเมนบอร์ดเป็นเหมือนทางเชื่อมของสัญญาณชิปต่างๆ ภายในคอมพิวเตอร์ เช่น RAM ส่งผ่านข้อมูลไปยัง CPU เป็นต้น ดังนั้นหากคุณอยากให้คอมพิวเตอร์ของคุณเร็ว แรง การเลือกเมนบอร์ดที่คุณภาพดีและตรงกับความต้องการใช้งาน จะช่วยให้คุณสามารถใช้ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

โดย Mainboard ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำมี 2 ตัวดังนี้

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

Hard disk คือ หน่วยความจำที่มีเอาไว้บันทึกข้อมูลของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นไฟล์หรือโปรแกรมต่างๆ ซึ่งการเปิดอ่านข้อมูลเหล่านั้นจำเป็นต้องใช้ความเร็วในการอ่านค่าหน่วยความจำ เพื่อส่งข้อมูลไปให้ CPU และ RAM แม้คอมพิวเตอร์ของคุณจะมีการประมวลผลที่ไวอยู่แล้ว แต่ถ้าข้อมูลถูกส่งไปช้า ก็เท่ากับเป็นปัญหาติดขัดที่ส่งผลต่อความลื่นไหลในระบบอยู่ โดยในปัจจุบันหน่วยความจำนี้ถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบ ด้วยกัน คือ SSD และ HDD

สำหรับ HDD นั้นเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลจำนวนมาก ที่ไม่ได้ต้องการความเร็วในการบันทึกข้อมูลสูงมาก เพียงต่อเข้ากับเมนบอร์ด หรือเชื่อมต่อผ่านสาย USB ก็สามารถใช้งานได้ ซึ่งในปัจจุบัน HDD ที่ได้รับความนิยมจะมีอยู่ 2 ขนาดด้วยกันก็คือ 3.5 นิ้ว ที่นิยมใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป และ 2.5 นิ้วสำหรับโน๊ตบุ๊ค มีความเร็วในการบันทึกข้อมูลตั้งแต่ 5400 RPM ไปจนถึง 15,000 RPM และมีความจุให้เลือกตั้งแต่ 500GB ถึง 20 TB เลยทีเดียว

ในขณะที่ ส่วน SSD นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่สายเกมเมอร์ เพราะมันสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วและสามารถบูสต์ไฟล์ภาพ ฉาก เสียงต่างๆ ได้เร็วขึ้น จึงทำให้การเล่นเกมส์มีประสิทธิภาพและสนุกมากขึ้นนั่นเอง

โดย SSD HDD ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำมี 4 ตัว ดังนี้

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

การ์ดจอ (GPU) คือชิ้นส่วนสุดท้ายที่ทำให้คอมพิวเตอร์แสดงผลสิ่งที่ CPU ประมวลผลออกมาให้กับผู้ใช้งานได้เห็นภาพ ซึ่งปกติแล้ว CPU บางตัวจะมีการ์ดจอในตัวอยู่แล้ว แต่สามารถใช้แสดงภาพต่างๆ ให้เห็นได้เท่านั้น หากอยากเห็นภาพเคลื่อนไหว หรืองานที่มีสีสันและขนาดไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น คอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการ์ดจอที่ดีขึ้นด้วยการจัดสเปคคอม โดยภายใน CPU จะประกอบไปด้วยชิปประมวลผลลักษณะคล้าย CPU เล็กๆ อีกหลายพันตัว เพื่อใช้ในการประมวลผล Pixel ต่างๆ ซึ่งในการ์ดจอบางตัวยังมี RAM ในตัวเองอีกด้วย เพื่อช่วยในการประมวลผลให้ลื่นขึ้น

โดยการ์ดจอที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำมี 2 ตัวดังนี้

หมายเหตุ : รูปภาพนี้เป็นเพียงตัวอย่างในการประกอบคำอธิบาย

Power Supply (PSU) คือ อุปกรณ์จ่ายไฟให้กับคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจากกระแสสลับขนาด 220V เป็นกระแสตรง 5V,12V ให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ภายในเมนบอร์ด เพื่อเลี้ยงไฟให้กับชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ์ดจอ Hard Disk รวมถึงพัดลมระบายความร้อนในเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย 

โดย Power Supply ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันทางเราแนะนำมี ดังนี้

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการจัดสเปคคอม ประกอบคอมพิวเตอร์ คอมประกอบแบบครบเซ็ต ที่ทางเราได้รวบรวมมาฝากเพื่อนๆ สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีจัดสเปคคอมอยู่ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คนที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบคอมพิวเตอร์ได้เข้าใจมากขึ้น ทั้งนี้การจัดสเปคคอมขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล รวมถึงงบประมาณที่มี

เพื่อนๆ คนไหนที่อยากจัดสเปคคอม มาใช้งาน เล่นเกม หรือใช้งานอื่นๆ สามารถเข้ามาได้ที่ BaNANA ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือจะจัดสเปคคอมผ่านทาง www.bnn.in.th/th/equip ก็ได้เช่นกัน โดยทางเรามีทั้งบริการจัดส่งและรับหน้าร้านอย่างบริการ 1 Hr. Pick up ที่สามารถเข้ามารับสินค้าที่หน้าร้านได้เลยภายใน 1 ชั่วโมง สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีเกมมิ่งเกียร์ ให้ได้เลือกชอป ครบจบ ในที่เดียวอีกด้วย

ขอขอบคุณบทความจาก IT Banana

HUAWEI WATCH GT 5 

ตัวเรือน : 45.8 x 45.8 x 10.7 มม.”

หน้าจอ หน้าจอสี AMOLED,รองรับระบบสัมผัสเต็มหน้าจอ

ความละเอียด: 466 x 466 พิกเซล, PPI 326

ขนาด: 1.43 นิ้ว

วัสดุตัวเรือน

เคสด้านหน้า: ตัวเรือนสเตนเลส

เคสด้านหลัง: วัสดุคอมโพสิตเสริมใยประสิทธิภาพสูง

ปุ่ม : ปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่มควบคุมฟังก์ชัน, รองรับทั้งการกดและกดค้าง และปุ่มเม็ดมะยมแบบหมุนได้

น้ำหนัก : ประมาณ 48 กรัม (ไม่รวมสาย)

สายรัดข้อมือ

วัสดุ: สายฟลูโรอีลาสโตเมอร์สีดำ

ความกว้าง: 22 มม.

ขนาดข้อมือ : 140-210 มม.

ข้อมูลทั่วไป

การเชื่อมต่อ

Bluetooth: BT5.2, รองรับ BLE/BR/EDR

Wifi: ไม่รองรับ

NFC: รองรับ

การเล่นเพลง : รองรับ

ลำโพง : รองรับ

GPS : รองรับ

ไมโครโฟน : รองรับ

ระบบปฏิบัติการที่รองรับ

Android 8.0 ขึ้นไป

iOS 13.0 ขึ้นไป

โหมดออกกำลังกาย : 100+

ระดับการกันน้ำ : 5 ATM

หน่วยความจำ : ไม่ระบุ

แบตเตอรี่และการชาร์จ

ความจุแบตเตอรี่ : 524 mAh (ค่ามาตรฐาน)

ชนิดของแบตเตอรี่ : แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์แบบถอดไม่ได้

แรงดันไฟชาร์จ : 5-9 V/2 A

เทคโนโลยีการชาร์จ : การชาร์จไร้สาย

ระยะเวลาในการชาร์จ : ประมาณ 100 นาที (ในอุณหภูมิแวดล้อม 25°C)

อายุการใช้งาน

สูงสุด: 14 วัน

ปกติ: 9 วัน

เมื่อเปิดการใช้งาน AOD: 5 วัน

บรรจุภัณฑ์

อุปกรณ์ภายในกล่อง

1.นาฬิกา x 1

2.แท่นชาร์จไร้สาย (รวมสายชาร์จ) x 1

3.คู่มือเริ่มต้นใช้งาน, ข้อมูลด้านความปลอดภัย และบัตรรับประกัน x 1

น้ำหนัก : 316 กรัม

ขนาดของกล่อง : 120 มม. × 120 มม. × 65 มม.

จ้างทำเว็บไซต์ ราคาเท่าไหร่ ? มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เว็บไซต์ (Website) สื่อดิจิทัลที่สำคัญมากกับธุรกิจในยุคนี้อย่างมหาศาล ทั้งช่วยเรื่องความน่าเชื่อถือ สร้างความประทับใจ เพิ่มยอดขายสินค้าและอีกมากมาย แต่การจะทำเว็บไซต์ให้สวย และดีต่อการทำการตลาด มีหลายสิ่งที่หากคุณไม่มีความรู้ก็อาจทำให้ต้องเสียเวลา แถมผลลัพธ์ก็ไม่ได้ตรงกับที่คุณต้องการ เราขอแนะนำให้คุณหามืออาชีพมาช่วยในเรื่องนี้ครับ แล้วถ้าต้องจ้างมืออาชีพมาช่วยทำหละ จะมีค่าใช้จ่ายกับเรื่องที่ต้องรู้อะไรบ้าง มาดูคำตอบกัน

บริการรับทำเว็บไซต์ 3 รูปแบบ

การจ้างทำเว็บไซต์เป็นทางเลือกที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และเร็ว

โดยบริการที่รับทำเว็บไซต์สามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบต่อไปนี้

1. จ้างพนักงานประจำทำเว็บไซต์

งบประมาณ 25,000 – 50,000 บาท/เดือนรายคน (ขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่จ้าง)

การจ้างบุคคลหนึ่งมาทำงานเป็นพนักงานประจำของบริษัท เพื่อทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ของบริษัททั้งหมดในระยะยาว ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การพัฒนา จนถึงการดูแลรักษาเว็บไซต์ การจ้างเพียงคนเดียวมาทำทุกส่วนงาน อาจทำให้พนักงานไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ตามปกติควรจะต้องมีทีมงานฝ่ายนี้ 3-5 คนขึ้นไปตามหน้าที่แยกย่อย จึงมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

ข้อดี จ้างพนักงานประจำทำเว็บไซต์

  1. มีเวลาให้กับ requirement ได้ 100% เพราะเป็นบุคลากรที่จ้างมาเพื่อทำงานนี้โดยเฉพาะ
  2. ง่ายต่อการสื่อสารหรือบรีฟงานได้รวดเร็ว เพราะทำงานอยู่ด้วยกัน เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการปรับเปลี่ยนบ่อย
  3. การมีพนักงานมาช่วยดูแลเรื่องเว็บโดยเฉพาะ สามารถช่วยดูแลหลังพัฒนาได้ด้วย เช่นการอัพเดท content

ข้อพิจารณา ก่อนตัดสินใจ

  1. ต้นทุนสูง เนื่องจากต้องจ้างพนักงานมาประจำ จึงมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกจากเงินเดือนที่ต้องจ่ายเพิ่มเติม
  2. มีความรู้ที่จำกัด เพราะพนักงานที่เป็น Web developer ก็อาจจะ focus ที่การทำเว็บไซต์เพียงเท่านั้น ในขณะที่อาจต้องใช้ความรู้เรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
  3. จัดการ resource ได้ไม่มีประสิทธิภาพ หากต้องการทำเว็บไซต์เพียงครั้งเดียว การจ้างคนมาทำประจำอาจไม่คุ้ม

2. จ้างทำเว็บไซต์กับฟรีแลนซ์ (Freelance)

งบประมาณ 10,000 – 50,000 บาท

หากมีงบประมาณที่จำกัด การเลือกบริการทำเว็บไซต์กับฟรีแลนซ์ อาจเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด เพราะฟรีแลนซ์มีเรทบริการรับทำเว็บไซต์ที่หลากหลาย ตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งหาได้ง่ายบนแพลตฟอร์มรวมฟรีแลนซ์เช่น Fastwork.co

การจ้างฟรีแลนซ์ทำเว็บไซต์ ก็ถือเป็นทางเลือกนึงที่น่าสนใจแต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้ แต่อาจต้องมีหลักในการเลือก ด้วยการขอดูผลงานที่เคยทำ กระบวนการทำงาน หรือสอบถามจากคนที่เคยใช้บริการมาก่อน เมื่อได้ข้อมูลเพียงพอจึงค่อยตัดสินใจ

ข้อดี จ้างทำเว็บไซต์กับฟรีแลนซ์

  1. ราคาไม่สูง เพราะคิดตาม project ที่ทำ ราคาไม่สูง เพราะประเมินราคาตาม requirement ที่ต้องทำ
  2. มีความยืดหยุ่น กรณีมีโปรเจกต์ที่ต้องการให้ทำเป็นครั้งคราว
  3. มีทักษะที่เฉพาะด้าน โดยทั่วไป freelance จะมีความรู้เฉพาะด้านและลึก สามารถให้คำปรึกษากับผู้ว่าจ้างได้เลย

ข้อพิจารณา ก่อนตัดสินใจ

  1. ความน่าเชื่อถือ freelance บางคนอาจขาดวินัยเรื่องการคุมงานให้ส่งทันตาม deadline
  2. ขาดเรื่อง CAP การทำงาน เพราะมีเพียงคนเดียวหรือสองคน อาจไม่พร้อมรับโปรเจกต์ขนาดใหญ่
  3. ความเสี่ยงในการบริหารงาน กรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด อาจส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การทำงาน เพราะมี freelance เพียงคนเดียวที่ต้องรับผิดชอบตลอดทั้งโปรเจกต์

3. จ้างทำเว็บไซต์กับ Web Development หรือ Agency Foxbith

งบประมาณ 100,000 – 1,000,000 บาทขึ้นไป

หากเป็นโปรเจกต์ทำเว็บไซต์ขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนสูง ที่ต้องทำหน้า Page ตั้งแต่ 20-100 หน้า การทำเว็บไซต์กับฟรีแลนซ์หรือบริษัทรับทำเว็บไซต์คงไม่เพียงพออีกต่อไป เหตุผลที่บริษัท Digital Agency มีราคาสูง เพราะไม่ใช่เพียงแค่รับสร้างเว็บไซต์ แต่ยังต้องทำในส่วนของการตลาดกับโฆษณาบนสื่อออนไลน์ (SEO, SEM ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจของลูกค้าเติบโตได้อย่างเต็มที่อีกด้วย

ข้อดี จ้างทำเว็บไซต์กับบริษัท ดิจิทัลเอเจนซี่

  1. มีมืออาชีพที่มีความสามารถหลากหลาย สามารถช่วยให้โปรเจกต์สมบูรณ์ทั้งด้าน design technical และ marketing
  2. พร้อมรองรับงานที่ scale ใหญ่ได้

ข้อพิจารณา ก่อนตัดสินใจ

  1. ใช้งบประมาณสูง
  2. เอเจนซี่บางบริษัท อาจไม่ได้ครอบคลุมบริการทั้งหมดตามที่กล่าวไป ควรคุยรายละเอียดให้ครบถ้วน
  3. ขาดความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยต้องดำเนินไปตามแผนงานที่ตายตัว

จ้างทำเว็บไซต์ ราคาใช้จ่ายเบื้องต้น

  1. โฮสติ้ง (Hosting) โดยจ่ายให้กับบริษัทที่ให้บริการโฮสต์ (Web Hosting) เพื่อเช่าพื้นที่จัดเก็บไฟล์และฐานข้อมูลของเว็บไซต์บนเซิร์ฟเวอร์ โฮสติ้งทำเว็บไซต์มีราคาเริ่มต้นที่ 500 บาทต่อปี
  2. ค่าจดทะเบียน Domain Name โดยจ่ายให้กับบริษัทที่รับจดโดเมนเนม เพื่อตั้งชื่อให้กับเว็บไซต์ ราคาจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับนามสกุล (.com .net .org .co.th ฯลฯ) เริ่มต้นที่ 300 – 500 บาทต่อปี
  3. ค่าพัฒนาเว็บไซต์ (Web Development) ที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทหรือฟรีแลนซ์รับทำเว็บไซต์ โดยราคาจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและฟังก์ชันที่ต้องการ มีราคาตั้งแต่ หลักพัน – หลักแสนบาท
  4. ค่าออกแบบตกแต่งเว็บไซต์ ตามปกติบริษัทหรือฟรีแลนซ์ที่รับทำเว็บไซต์อาจตกแต่งมาให้บางส่วนแล้ว แต่เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ การจ้างนักออกแบบกราฟิกจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
  5. ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่อาจต้องจ่ายระหว่างพัฒนาหรือหลังจากที่เว็บไซต์เสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ค่าดูแลเว็บไซต์ การเพิ่มฟังก์ชันใหม่ หรืออื่น ๆ โดยอาจต่างกันไปตามแต่ละบริษัทหรือฟรีแลนซ์ที่ให้บริการ

ปัจจัยหลักที่มีผลกับราคารับทำเว็บไซต์

การกำหนดราคาทำเว็บไซต์ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยเข้าด้วยกัน ไม่มีราคากลางที่สามารถอ้างอิงได้แน่นอน หลายเคสมักมีการเพิ่มงบระหว่างพัฒนาหรือเกิดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาเป็นต้นทุน โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลกับราคารับทำเว็บไซต์ มีตามต่อไปนี้

  1. ประเภทและความซับซ้อนของเว็บไซต์ ตาม requirement ของลูกค้า ตัวอย่างเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ (Web E-Commerce) หรือเว็บแบบให้ข้อมูล (Web Blog) ต่างก็มีความซับซ้อนที่ต่างกัน ตั้งแต่เรื่องจำนวนหน้าเว็บ ปริมาณเนื้อหา และฟังก์ชันทำงานเฉพาะที่ซับซ้อน ยิ่งเว็บไซต์มีความซับซ้อนมากขึ้นเท่าไร ต้นทุนการพัฒนาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
  2. ดีไซน์ความสวยงาม ปัจจัยที่ทำให้เว็บไซต์ตรึงคนดูไว้ได้อยู่หมัด และสะท้อนถึงแบรนด์ธุรกิจได้เป็นอย่างดีผ่านการออกแบบที่ดูโดดเด่นน่าสนใจ การที่เว็บต้องการใช้ภาพกราฟิกหรือวิดีโอสั้นประกอบข้อมูลนั้น มักจะมีราคาสูงกว่าการออกแบบเว็บไซต์ทั่วไป
  3. ระยะเวลาการพัฒนา ปัจจัยส่งผลต่อราคาจ้างทำเว็บไซต์โดยตรง ยิ่งหากต้องการให้เว็บไซต์เสร็จก่อนกำหนดจากที่ผู้รับจ้างวางแผนไว้ ลูกค้าจำเป็นต้องจ่ายเพิ่มและสูงกว่าปกติ เพื่อให้นักพัฒนาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดทำงานล่วงเวลาให้
  4. ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้รับจ้าง ส่วนมากแล้วบุคคลหรือทีมพัฒนาที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญจริง จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่า หากมีงบประมาณนึง เราอยากแนะนำให้เลือกบริษัทรับทำเว็บไซต์ หรือดิจิทัลเอเจนซี่ ที่มีผลงานในกลุ่มเว็บไซต์ที่ตรงกับธุรกิจของเรา

บทสรุป

การจ้างทำเว็บไซต์เป็นการลงทุนที่ต้องคำนึงถึงราคาค่าใช้จ่ายอย่างละเอียด ซึ่งต่างกันไปตามรูปแบบของผู้รับทำเว็บไซต์ (ฟรีแลนซ์ บริษัทรับทำเว็บไซต์ และบริษัทดิจิทัลเอเจนซี่) โดยมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเภทเว็บ ความซับซ้อน และเวลาที่ต้องใช้พัฒนา รวมถึงความเชี่ยวชาญของผู้รับจ้าง ที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีความรับผิดชอบเพียงพอ